รักษาสิว ต้องใช้เวลานานแค่ไหน

รักษาสิวต้องใช้เวลานานเท่าใด

การรักษาสิวที่มีประสิทธิภาพควรได้รับคำแนะนำและดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่จะทำการวิเคราะห์สาเหตุปัจจัยได้อย่างถูกต้องและแนะนำวิธีปฏิบัติตัวรวมทั้งทำการรักษาที่มีประสิทธิภาพ แพทย์เฉพาะทางจะช่วยเลือกแผนการรักษาสิวที่เหมาะสม ทั้งการใช้ยาและผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่เหมาะกับผิวและไม่ก่อให้เกิดสิวเพิ่มขึ้น แนะนำการปฏิบัติตัว หลีกเลี่ยงสาเหตุและพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดสิว ผลการรักษาจะเห็นผลดีขึ้นได้ตั้งแต่ภายในสัปดาห์แรกและดีขึ้นเป็นลำดับ ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของการเกิดสิว การปฏิบัติตามคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมจะช่วยให้ผลการรักษาเป็นที่น่าพึงพอใจ และยับยั้งการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ตามมาอันได้แก่ แผลเป็นและรอยแดงดำ ระยะเวลาที่เห็นผลชัดประมาณสี่ถึงแปดสัปดาห์ รวมทั้งการปฏิบัติตัวต่อเนื่องเพื่อป้องกันการเกิดสิวขึ้นใหม่ แพทย์ผู้ทำการรักษาจะเป็นผู้แนะนำว่าควรจะหยุดการรักษาได้หรือลดการกินยาทายาลงอย่างไร เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางที่เหมาะสม

 

การใช้ยารักษาสิวต้องรักษานานเท่าไหร่

เพื่อประโยชน์ในการรักษาและป้องกันควรปฏิบัติตามคำแนะนำที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาว่าเหมาะสม โดยมากควรใช้ยาทาต่อเนื่องนานพอควรเพื่อผลที่ดีและป้องกันเกิดซ้ำ ระยะเวลาที่ได้ผลจากยาทาใช้เวลานานกว่าการรับประทานยาหรือฉีดยาควบคู่ไปด้วย กรณีเป็นไม่มากหรือมีผื่นร่วมด้วย หากได้ยาทาที่เหมาะสมก็สามารถดีขึ้นได้รวดเร็วภายในหนึ่งสัปดาห์

แต่กรณีมีสิวอักเสบเยอะหรือมีสิวอุดตันร่วมด้วยจำนวนมากการใช้ยาทาเพียงอย่างเดียวก็มักจะไม่ได้ผลเร็วหรือไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร อาจใช้เวลาเป็นเดือนเมื่อเทียบกับผู้ที่ใช้ยารับประทานหรือฉีดยา (ที่จะดีขึ้นเร็วภายในหนึ่งอาทิตย์) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางผิวหนังที่ดูแลรักษาจะเป็นผู้ประเมินและแนะนำรวมถึงทำการรักษาและปรับเปลี่ยนการใช้ยาตามความเหมาะสม

 

รักษาไม่หายเลี้ยงไข้หรือเปล่า

อย่างที่ได้กล่าวเบื้องต้นว่า สิวเป็นภาวะหรือโรคที่มีปัจจัยและสาเหตุกระตุ้นหลายประการ การรักษาสิวที่ถูกต้องเหมาะสมจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสามารถช่วยให้อาการของโรคทุเลาและหายได้ในเวลารวดเร็ว การใช้ยาทาและยารับประทาน หรือการรักษาร่วมเช่น ฉีดยา การกดสิว หรือการทำเลเซอร์รักษาสิว เพื่อจุดประสงค์คือให้สิวหายได้เร็วที่สุด เพื่อลดการเกิดผลข้างเคียงหรือผลเสียที่จะเกิดตามมาหลังการกำเริบของสิว ซึ่งจะได้แก่ แผลเป็นหลุม รอยแดงรอยดำ การรักษาสิวในหลายๆวิธีดังกล่าว ยังป้องกันสิวขึ้นซ้ำอีกด้วย

แต่ตราบใดที่ผู้ที่เป็นเจ้าของใบหน้าไม่ลดละปัจจัยเสี่ยงหรือมีปัจจัยกระตุ้นอื่นที่ทำให้เกิดสิว ได้แก่ ความเครียด การมีประจำเดือนหรือประจำเดือนมาผิดปกติ พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือเครื่องสำอางที่อุดตันรูขุมขนหรือมีสารระคายเคือง คนไข้ก็สามารถกลับมาเป็นสิวซ้ำได้ตลอด ดังนั้น การรักษาสิวจึงไม่ใช่หน้าที่ของแพทย์ผู้รักษาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของผู้เป็นสิวด้วยในการที่จะปกป้องปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้สิวกลับมาเป็นซ้ำ การมีวินัยในการใช้ยา เพื่อทุเลาอาการ การดูแลรักษาสิวที่ถูกต้อง จะลดความเสียหายที่จะเกิดกับผิว อาทิ รอยแดงดำ หลุมสิว ซึ่งอย่างหลัง (หลุมสิว) รักษายากกว่าการเป็นสิวมาก

 

จะหยุดยาเองได้หรือไม่ถ้าสิวหายแล้ว

คุณสามารถหยุดยาได้เลยเมื่อสิวหายแล้ว แต่หากยังมีโอกาสหรือปัจจัยเสี่ยงในการกระตุ้นให้เกิดสิว สิวก็สามารถกลับมาได้อีก เปรียบเสมือนคุณหายหวัด แล้วคุณไปตากฝนอีก คุณก็สามารถกลับมาเป็นหวัดได้อีก

ดังนั้น การใช้ยาก็เพื่อป้องกันบรรเทาไม่ให้เกิดสิวขึ้นให้กังวลใจอีก การใช้ยาทาหรือยากินเพื่อป้องกันการเกิดสิวได้แก่ กลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอและยาปรับฮอร์โมนเพื่อลดการผลิตไขมัน Sebum ที่ก่อสิวก็จะช่วยให้ไม่กลับเป็นซ้ำอีก และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อลดโอกาสเกิดสิวซ้ำๆจนเกิดแผลเป็นและหลุมสิวที่แก้ได้ยาก

 

เลเซอร์กับยาทาตัวไหนดีกว่ากัน

การเลือกทำเลเซอร์รักษาสิวหรือใช้ยารักษาสิว ขึ้นกับความต้องการผลในการรักษาของคนไข้ว่าต้องการผลการรักษาที่รวดเร็วแค่ไหน ยาทาที่เกี่ยวกับการรักษาสิวมีทั้งยาทาที่ช่วยลดการอักเสบ ยาทาป้องกันการเกิดสิวอุดตัน และยาทาป้องกันการอักเสบของสิว ยารักษาสิวอุดตัน การทายาจะต้องใช้เวลามากกว่าการใช้ยารับประทานควบคู่ไปด้วย การรักษาสิวอักเสบโดยการกินยาและหรือฉีดยาจะหายเร็วกว่า ส่วนการทำเลเซอร์เพื่อรักษาสิวอุดตัน (Co2) จะสามารถรักษาสิวอุดตันได้ดีอย่างมีประสิทธิภาพสูงกว่าและรวดเร็วกว่าการยาทาเป็นอย่างมาก

ในกรณีที่ต้องการรักษาเพื่อลดรอยแผลเป็นรอยแดงดำที่เกิดจากสิว การใช้หัตถการเลเซอร์ (E-Lase) เพื่อรักษาได้ผลการรักษาที่ดีและรวดเร็ว กว่ายาทาเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม สิวเป็นภาวะเรื้อรังและมีปัจจัยกระตุ้นหลายประการ การรักษาแบบผสมผสานถือว่าเป็นการรักษาที่ได้ประโยชน์สูงสุด

บทความโดย พญ.ประสมศรี สวัสดิ์อำไพรักษ์