รักษาหลุมสิวอย่างไรให้ปลอดภัย

เทคโนโลยีใหม่ในการรักษาหลุมสิว

หลายคนมีเป็นสิวมาตั้งแต่เด็กยันโต ผ่านการบีบ แกะ เจาะสิวกันเองบ้าง ปล่อยให้หายเองบ้าง รักษาไม่ถูกวิธีบ้าง ทำให้เกิดรอยแผลเป็นหรือหลุมสิว ซึ่งหลายคนก็หาสารพัดวิธีในการรักษา บ้างก็ดีขึ้น บ้างก็ไม่เห็นผล แล้ววิธีไหน คือการรักษาหลุมสิวที่ดีที่สุดล่ะ

 

สิ่งที่ควรรู้คือ หลุมสิวเกิดจากอะไร

สิวที่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะมีโอกาสทำให้เกิดหลุมสิวได้มากคือ สิวอักเสบ หรือสิวหัวช้างเม็ดโตๆนั่นเอง สิวชนิดนี้เมื่อเกิดไปนานๆและขาดการรักษาที่ถูกต้อง จะทำให้ผิวหนังด้านใต้เกิด “โพรงหนอง” ซึ่งจะไปกัดเซาะผิวหนังบริเวณนั้นให้เกิดเป็นโพรง เมื่อรักษาผิดวิธีด้วยการบีบ หรือฉีดมากเกินขนาด (แม้กระทั่งปล่อยให้หายเอง) ผลสุดท้ายคือเกิดการยุบตัวของผิว เกิดการลดลงของคอลลาเจน และเกิดผังผืดขึ้นใต้รอยแผลเป็นนั้นๆ ทำให้เกิดหลุมสิวในที่สุด

อธิบายง่ายๆให้เห็นภาพระดับความรุนแรงของสิว ให้ลองเช็คดูว่าเราอยู่ในระดับไหน?

Ice pick scar (ระดับความรุนแรงมากสุด) หลุมสิวระดับนี้จะเป็นหลุมลึก มีปากแคบ เพราะแนวหลุมเป็นไปในทางลึก กว่าผิวจะฟื้นฟูจนเต็มคงต้องใช้เวลานานในการรักษา ซึ่งหลุมระดับนี้ใช้ยาทาก็มักจะเอาไม่อยู่


Box scar (ระดับรุนแรงปานกลาง) หลุมสิวระดับนี้จะมีลักษณะเป็นบ่อ มีขอบชัดเจนและมีขอบเขตกว้างกว่าระดับ Ice pick scar แต่จะมีความตื้นมากกว่า เพราะมันจะกินความลึกแค่ชั้นผิวเท่านั้น ไม่ได้กินไปจนถึงชั้นรูขุมขน หลุมสิวระดับนี้ เราสามารถใช้ยาทาควบคู่ไปกับการทำทรีตเมนต์ได้ แต่ถ้าเลเซอร์จะเห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจหลังการรักษา ซึ่งรอยหลุมอาจจะเหลือร่องรอยจุดด่างดำอยู่บ้าง แต่ถ้าคุณตั้งใจดูแลและรักษาให้ดีสม่ำเสมอจะทำให้หน้าเรียบเนียนขึ้นอย่างแน่นอน


Rolling scar (ระดับทั่วไป) หลุมสิวระดับนี้จะมีลักษณะเป็นหลุมสิวแบบตื้น ๆ เป็นแอ่งเว้าลงไป กินพื้นที่แค่ส่วนบนของผิวเพียงเล็กน้อย ซึ่งหลุมระดับนี้มักจะเกิดจากการแกะเกาสิวที่อยู่ในระดับที่ไม่ลึกมากนัก และทำการรักษาได้ง่ายกว่าระดับอื่นๆ


ภาพอธิบายลักษณะหลุมสิว

 

เมื่อเกิดหลุมสิวขึ้นแล้วเราสามารถดูแลรักษาให้หลุมหรือรอยที่เกิดจากสิวดูตื้นขึ้น ซึ่งปัจจุบันทำได้หลายวิธี เช่น แต้มกรด การลอกผิวด้วยกรดวิตามินเอ การกรอผิว การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว การใช้เลเซอร์คลื่น Fractional การเลเซอร์กลุ่ม Non-ablative Laser เช่น NdYag 1064, Smooth Beam และ Fractional Radio Frequency

 

เทคโนโลยี Fractional Radio Frequency

เป็นเทคโนโลยีล่าสุดสำหรับการรักษารอยหลุมที่ได้ผลดี สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่แรก คือ Fractional Radio Frequency เป็นการปล่อยคลื่นวิทยุความถี่สูง (RF) ในรูปแบบ Fractional เช่น E-Two (E – Matrix Generation 2nd) ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาและไทย

โดยพลังงานจาก RF เป็นคลื่นแสงที่มีอนุภาคเล็กมาก ลงไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในเซลล์ผิวชั้นล่างเพื่อซ่อมแซมบริเวณผิวที่เป็นหลุม ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น ผิวเรียบเนียนตึงกระชับขึ้น ความยืดหยุ่นของผิวดีขึ้นมากกว่าเลเซอร์ชนิดที่ไม่ทำให้เกิดแผล ระยะพักฟื้นน้อย (Minimal Downtime) สามารถทำได้ในทุกสีผิว โดยตัวเครื่องจะปล่อยพลังงานผ่านหัวทิปทองคำ (Disposable Tip) ที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว ทำให้ผิวด้านบนถูกทำลายเพียงเล็กน้อย


ความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงมีน้อย แต่สามารถส่งพลังงานลงสู่ผิวชั้นลึกได้มาก จึงสามารถกระตุ้นการเกิดคอลลาเจนได้ดีกว่าเลเซอร์คลื่น Fractional ทั่วไป สามารถทำให้เซลล์เนื้อเยื่อใหม่ฟื้นฟูและเติมเต็มหลุมได้ถึง 70-80%

 

การดูแลหลังจากการรักษาด้วย E-Two

  • เลี่ยงเครื่องสำอางหรือครีมที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA และ Vitamin A ภายใน 24 ชั่วโมง
  • ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF ตั้วแต่ 30 ขึ้นไป
  • ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดประมาณ 1-2 สัปดาห์
  • ควรทายาหลังจากเลเซอร์บ่อยๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิว ให้เซลล์ใหม่กำเนิด และทำให้สะเก็ดเล็กๆหลุดออกได้อย่างรวดเร็ว

 

Subcision คืออะไร

การทำ Subcision คือการใช้เข็ม Sterile เซาะพังผืดรอบๆหลุมสิว ทำให้เกิดแผลหรือช่องว่างใต้หลุมสิว เพื่อเป็นการเร่งสร้างคอลลาเจน เหมาะกับ แผลหลุมที่ยังมีความยืดหยุ่นใต้ผิวหนังดี (Distensible Scar) กล่าวคือ ถ้าเราใช้สองนิ้วดึงในทิศทางตรงกันข้าม บริเวณขอบแผลหลุมจะพบว่ารอยหลุมสามารถ Blend หรือราบลงใกล้เคียงกับผิวหนังรอบๆที่ปกติได้ โดยในบางเคสสามารถทำ Subcision ร่วมกับ E-two เพื่อให้เห็นผลดียิ่งขึ้น (การทำ Subcision ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแพทย์ผู้รักษา)

สุดท้าย การรักษารอยหลุมสิวที่ได้ผลดีขึ้นอยู่กับลักษณะของรอยหลุม รอยที่เกิดใหม่จะรักษาง่ายกว่ารอยที่เกิดมานานจึงแนะนำให้รักษากันเสียแต่เนิ่นๆ จะได้ผลดีกว่า

 

บทความโดย พญ.สุณี เจริญหิรัญยิ่งยศ
ตารางเวรเเพทย์ สามารถค้นหา (Search) ชื่อเเพทย์หรือสาขา