บริษัท พรเกษม กรุ๊ป จำกัด และบริษัทในเครือ (“บริษัท”) เคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้มารับบริการ (“ท่าน”) เพื่อมั่นใจว่าท่านจะได้รับความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามหลักของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 บริษัทจึงได้จัดทำประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงรายละเอียดการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผย (“การประมวลผล”) รวมตลอดถึงการลบและทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทั้งช่องทางออนไลน์ และช่องทางอื่น ๆ ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ดังนี้

1. วัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

1.1.เพื่อเป็นการจัดทำประวัติผู้มารับบริการ รวมถึงการดำเนินการหัตถการแก่ท่าน
1.2.เพื่อดำเนินการติดตามรวมถึงประกอบการรักษา
1.3.เพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด
1.4.พื่อดำเนินการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ที่บริษัทจำหน่าย รวมไปถึงการดำเนินติดตามการชำระเงิน
1.5.เพื่อให้บริการหลังการขาย เช่น การขนส่งสินค้า
1.6.เพื่อให้บริการสอบถามข้อมูลต่างๆ เช่น การประเมินความพอใจ

 

 2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม

2.1.ข้อมูลของท่าน ได้แก่ ชื่อ นามสกุล เลขบัตรประชาชน รูปถ่าย อายุ เพศ อาชีพ
2.2.ข้อมูลการติดต่อ ได้แก่ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ข้อมูลผู้ติดต่อในกรณีฉุกเฉิน

 

ทั้งนี้ หากท่านปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องใช้เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญา อาจทำให้การบริษัทไม่สามารถดำเนินการปฏิบัติตามสัญญา หรือไม่สามารถดำเนินการได้อย่างครบถ้วน

3. ข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษ

3.1.บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของท่าน เพื่อใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทแจ้งไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
3.2.บริษัทอาจต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของท่าน ในกรณีดังต่อไปนี้ ข้อมูลสุขภาพ เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการดำเนินประกอบการรักษา รวมถึงติดตามการรักษา เช่น การวินิจฉัยอาการ การให้ความเห็นโดยผู้เชี่ยวชาญ เป็นต้น
3.3.ในกรณีที่จำเป็น บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของท่าน โดยมีการขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านหรือเพื่อวัตถุประสงค์ตามที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น ทั้งนี้ บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดและจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอเพื่อปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของท่าน

 

4. ฐานทางกฎหมาย

บริษัทจะกำหนดฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามความเหมาะสมทั้งนี้ ฐานทางกฎหมายที่บริษัท ใช้เป็นหลักในการอ้างอิง ได้แก่

ฐานทางกฎหมาย

รายละเอียด
เพื่อปฏิบัติตามสัญญา เพื่อให้ บริษัทสามารถดำเนินการที่จำเป็นเพื่อเข้าทำสัญญากับท่าน และ/หรือเพื่อให้สิทธิประโยชน์แก่ท่านดังที่ระบุในสัญญา
ความยินยอม เพื่อเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่ต้องได้รับความยินยอมเพื่อดำเนินการตามวัตถุระสงค์ที่ของบริษัท

5. การขอความยินยอมและผลกระทบที่เป็นไปได้จากการถอนความยินยอม

5.1.ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมที่ให้ไว้กับบริษัทได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้ว
5.2.หากท่านถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัทหรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่าง อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการบางอย่างเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ได้

 

6. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

6.1.บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามประเภทข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาตให้มีระยะเวลาการเก็บรักษาที่นานขึ้น ในกรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี)
6.2.บริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตลอดระยะเวลาที่เป็นลูกค้าของบริษัท เพื่อปฏิบัติตามสัญญาและตามระยะเวลาที่จำเป็นหลังจากสิ้นสุดการเป็นผู้เข้ารับบริการของบริษัทแล้ว
6.3.กรณีที่บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยขอความยินยอมจากท่าน บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจนกว่าท่านจะแจ้งขอยกเลิกความยินยอม และบริษัทดำเนินการตามคำขอของท่านเสร็จสิ้นแล้ว อย่างไรก็ดี บริษัทจะยังเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นสำหรับบันทึกเป็นประวัติว่าลูกค้าเคยยกเลิกความยินยอมเพื่อให้บริษัทสามารถตอบสนองต่อคำขอของท่านในอนาคตได้
6.4.บริษัทจัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาหรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น

 

7. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลอื่น

7.1.บริษัทเปิดเผยและแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับ
หน่วยงานของรัฐตาม เพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น กรมสรรพากร เป็นต้น
7.2.บริษัทเปิดเผยและแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับ
หน่วยงานของรัฐตาม เพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น กรมสรรพากร เป็นต้น

 

8. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
บริษัทไม่มีนโยบายในการโอนถ่ายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ

9. มาตรการความปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคล

9.1.บริษัทจัดให้มีมาตรฐานความปลอดภัยทางเทคนิคและการบริหารที่เหมาะสมมาใช้เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลจากการสูญหาย การเข้าถึงการใช้หรือการเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต การใช้งานในทางที่ผิด การดัดแปลง เปลี่ยนแปลง และการทำลายโดยใช้เทคโนโลยีและขั้นตอนการรักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและการจำกัดการเข้าถึง เพื่อให้มั่นใจว่าบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและบุคคลเหล่านี้ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับความสำคัญของการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล
9.2.บริษัทจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ที่ไม่มีสิทธิหรือหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และจะจัดให้มีการทบทวน มาตรการดังกล่าวเมื่อมีความจำเป็นหรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม

 

10. สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มารับบริการ

10.1.ท่านมีสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สรุปดังนี้

10.1.1. ขอดูและคัดลอกข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

10.1.2. เพิกถอนความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัท เพื่อประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

10.1.3. แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

10.1.4. ลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ (anonymous)

10.1.5. ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

10.1.6. ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งอยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น

10.1.7. คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน

บริษัทอาจปฏิเสธการใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้นของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามขั้นตอนการปฏิบัติที่บริษัทกำหนดขึ้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ทั้งนี้ บริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำร้องขอใช้สิทธิของท่านโดยเร็วภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่บริษัทได้รับคำร้องขอดังกล่าว และสิทธิตามที่กล่าวมาข้างต้น เป็นไปตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

10.2.หากท่านต้องการยื่นคำขอเพื่อใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ปารากฎในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ โปรดยื่นใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลผ่านช่องทางอีเมล [email protected]

 

11. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัว

บริษัทจะประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับใหม่ผ่านทางเว็บไซต์นี้ ซึ่งท่านควรเข้ามาตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวเป็นครั้งคราว โดยประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้ทันทีในวันที่ประกาศ

12. ช่องทางการติดต่อ

12.1.ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ควบคุมส่วนบุคคลบริษัท พรเกษม กรุ๊ป จำกัด และบริษัทในเครือฯ โดยแยกแต่ละบริษัท ดังนี้

(1) บริษัท พรเกษม กรุ๊ป จำกัด
สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 34 อาคาร ซี.พี.ทาวเวอร์ 3 ชั้น 10 ถนนพญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
เบอร์โทรศัพท์: 02-252-1317
เว็บไซต์: https://www.pornkasemclinic.com
(2) บริษัท พรรณรวีตา จำกัด
สถานที่ติดต่อ: ห้องเลขที่ 231 ชั้น 2 สยามพารากอน ถนนพระราม1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
(3) บริษัท พรเกษมอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 34 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์ 3 ชั้น 10 ถนนพญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
(4) บริษัท พรเกษม (ประเทศไทย) จำกัด
สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 34 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์ 3 ชั้น 10 ถนนพญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร  10400
(5) บริษัท พรเกษม คอสเมติกส์ จำกัด
สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 384 ถนนงามวงศ์วาน ตำบลบางเขน อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี 11000

12.2.กรณีที่ท่านมีข้อสอบถามเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โปรดติดต่อเบอร์โทรศัพท์ 02-252-1317 หรือ อีเมล [email protected]